ฝุ่น

ฝุ่น
Leemupai

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

การสวดมนต์

IMG_20170308_160444 (Copy)

หัวข้อธรรมสำหรับผู้ครองเรือนเพื่อชีวิตที่งดงาม

P8040055 (Copy)




ผู้ให้แสงสว่าง ได้ชื่อว่าให้ดวงตา ทีปโท โหติ จกฺขุโท (กินททสูตร ๑๕/๔๒)

การมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาคือ....

การท้าทายกับตัวเราเองอย่างไม่มีวันจบ

เป็นจิตใจที่ไม่ยอมแพ้อยู่เสมอ

ที่จะปรับปรุงตนเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง(ขอให้ก้าวหน้า)

เมื่อเราเผชิญกับความยากลำบากใด ๆ

โดยพยายามก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวเสมอ

ถ้าถามว่าชีวิตต้องการอะไร ตอบได้ว่า ความต้องการขึ้นอยู่กับความรู้หรือปัญญาที่แต่ละบุคคลพัฒนาได้ อาทิ บางคนเกิดมาเพื่อชดใช้หนี้กรรมเก่า พร้อมกับสร้างหนี้กรรมใหม่ บางคนเกิดมาเพื่อปรับปรุงแก้ไขชีวิตให้ดีขึ้น บางคนเกิดมาเพื่อสั่งสมบุญไปสู่สุคติภพ บางคนเกิดมาเพื่อนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสาร ฯลฯ

ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อเหล่าอายตนะภายนอก ๑
ทั้งหลายอันมี รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และเหล่าธรรมารมณ์
มาประจวบหรือกระทบกับเหล่าสฬายตนะ ๑
อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ย่อมต้องเกิดวิญญาณ ๑
เฉพาะกิจนั้น ๆ ตาม{สฬายตนะ}ที่กระทบหรือประจวบกันขึ้นเป็นธรรมดา ดังเช่น ตากระทบรูปย่อมเกิดจักษุวิญญาณ หูกระทบเสียงย่อมเกิดโสตวิญญาณ ใจกระทบธรรมมารมณ์ย่อมต้องเกิดมโนวิญญาณ ฯ จะห้ามไม่ให้เกิด ไม่ให้มี ไม่ให้เป็นในวิญญาณเหล่านั้น ย่อมไม่ได้ เพราะความเป็นสภาวธรรมหรือธรรมของชีวิตอย่างหนึ่งนั่นเอง

คุณธรรม นำใจ ในโลกกว้าง
ส่องสว่าง ทางใส ใจไม่หมอง
พาพบมิ่ง สิ่งดี มีทำนอง
ใจสมปอง ครองสุข คอยปลุกเรา

คุณธรรม นำทาง ช่วยสร้างสรรค์
นิมิตรมั่น กลั่นกาย คลายทุกข์เหงา
มองเห็นงาม ตามจริง ทุกสิ่งเร้า
จากความเศร้า เบาคลาย กลายเย็นลง

คุณธรรม ช้ำยาก หากคิดเป็น
มองประเด็น เห็นสุด จุดประสงค์
หลีกทางทุกข์ สุขได้ ใจยอมปลง
ไม่ลุ่มหลง ตรงหา รู้ค่ามัน

คุณธรรม จำไว้ ให้ใฝ่ดี
จะสุขี ดีรื่น ชื่นสุขสันต์
ทำคุณงาม ความดี มีทุกวัน
ร่วมสร้างสรรค์ กันเถิด เลิศจิตใจ

หัวข้อธรรมสำหรับผู้ครองเรือนเพื่อชีวิตที่งดงาม





ความเจ็บป่วยก่อให้เกิดจิตใจแสวงหาธรรม

มีเพียงการเอาชนะศัตรูที่เข้มแข็ง จึงจะสามารถพิสูจน์ถึงพลังที่แท้จริงของเราได้

เป็นครั้งแรกที่ผมเอารูปเทศกาลกิน เจ ออกมา POST ถ่ายเอาไว้หลายปีแล้วพวกเรามากิน เจ กันเถอะ เดี๋ยวขอกินข้าว - กินยาก่อนค่อยมาร่ายยาวกันต่อ ผมคิดว่ากินเจหรืองดเว้นเนื้อสัตว์ซ่ะบ้างสุขภาพของเราก็จะดีขึ้นเป็นกองเลย

ถึงแม้ว่าสรรรพสัตว์จะมีเหตุ 3 ประการแห่งพุทธธาตุ แต่ถ้าสรรพสัตว์เหล่านี้ไม่ได้พบกับปัจจัยที่ดี เช่น เพื่อนดี หรืออาจารย์แล้ว พวกเขาก็ไม่อาจรู้แจ้ง พวกเขาจะไม่เข้าใจ  ธรรมชาติ{พุทธ}จะไม่ปรากฏออกมา

ปุถุชนเพราะอวิชชาจึงไม่รู้ว่าปุถุชน ประกอบกรรมดีเพื่อหวังความสุขและพ้นไปจากทุกข์

สัจธรรม สัมมา ตถาคต
ธรรมบท ไตรลักษณ์ หลักสิกขา
สิ่งทั้งหลาย กายจิต อนิจจา
อนัตตา ทุกอย่าง เปล่าว่างดาย
สัมผัสหก ตกมา คาที่จิต
แม้นเห็นผิด อวิชชา มาล้นหลาย
หากหลงรูป จูปเงา เศร้าใจกาย

สุขที่หมาย ผันแปร ไม่แน่นอน
รักหรือหลง จงพินิจ สิ่งจิตสร้าง
ทุกสิ่งอย่าง ดั่งคำ พระธรรมสอน
พิศวาส ขาดปัญญา พาม้วยมรณ์
ดั่งมารดร สินสมุทร รักทรุดพัง

อันสิ่งใด ให้สุข ทุกวันนี้
จักต้องมี ทุกข์ได้ เมื่อภายหลัง
สุขโลกีย์ นี้ไซร้ ไม่จีรัง
ผุดผุพัง ดั่งคำ องค์สัมมา

จงไปในสถานที่ที่ยากลำบากที่สุดก่อน จัดการกับปัญหา{ยากที่สุด}ก่อน ถ้าท่านเริ่มต้นด้วยการท้าทายกับเรื่องที่ยากลำบากที่สุด ท่านจะสามารถตีแตกในการ{ต่อสู้}และก้าวต่อไปอย่างยิ่งใหญ่ได้

ปุถุชนนั้น ประกอบกรรมดี สั่งสมบุญกุศลโดยการ ทำบุญ ทำทาน ถือศีล สวดมนต์ ฯลฯ ในจิตก็ล้วนแต่ยังหวังในอานิสงส์ผลของบุญให้ช่วยเหลือเกื้อหนุนให้พ้นทุกข์หรือเกิดความสุข และยังคาดหวังอยู่ลึก ๆ ให้เกิดให้มีความสุขความสบายและพ้นไปจากทุกข์ไปถึงภพชาติต่อ ๆ ไปในภายภาคหน้าอีกด้วยจงอย่าลืมบุญคุณและขอบคุณต่อความเพียรพยายามของทุกคน นี่คือความเป็นมนุษย์ และบุคลิกลักษณะที่ดึงดูดผู้อื่น คัมภีร์พุทธศาสนาบรรยายถึงพระศากยมุนีพุทธว่า มีคำพูดที่ยินดีต้อนรับและใส่ใจอย่างเป็นมิตร ดีใจที่เห็นคนอื่น สนุกสนานและสดใสอยู่เสมอ กระตือรือร้นที่จะทักทายคนอื่นก่อนที่คนอื่นจะทักทายพระองค์ นี่คือแบบอย่างที่แท้จริงของผู้ปฏิบัติ พุทธธรรม





มิตร

IMG_0007 (Copy)




อุปสรรคมาร

P2060032

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เริ่มเขียน

patunum

อย่าเชื่อ

IMG_0009 (Copy)

มิตรและการคบมิตร

P2180092 (Copy)



ปัญญ์ธรรม

1-IMG0001474611075878 (Copy)

อากาศไม่หนาว




วันนี้ 14 ธันวาคม 2017 ฝนตกในเขตกรุงทพ - ปริมลฑลอีกเช่นเคยอากาศไม่หนาวภาพที่ทุกท่านเห็นอยู่ด้านบนนี้คือ วัดอาซะกุสะ อยู่ที่ญี่ปุ่น วันพรุ่งนี้ยังมีความหวังว่าอากาศจะหนาวบ้างเพราะต่างประเทศก็หนาวแล้วที่ประเทศญี่ปุ่นญีปุ่นก็หนาวแล้ว - จีนก็หนาวแล้วหน้าหนาวดีอย่างไรไว้จะค่อย ๆ เขียนบันทึก
เมื่อประมาณปี 2525 อากาศในกรุงเทพ ฯยังมีกลิ่นอายแห่งความหนาวอยู่บ้างในตอนนั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่ซอยพิพัฒน์ ถนน สีลม ขนาดมีตึกใหญ่ ๆ สูง ๆ รู้สึกว่าอากาศในตอนนั้นหนาวมากและยิ่งตกดึกก็ยิ่งหนาว

และก็ตั้งแต่จำความได้ก็รู้ว่ากรุงเทพ ฯ เคยมีอากาศหนาวตอนเด็ก ๆ ถ้าโดนครูตีตอนหน้าหนาวรับรองได้เลยว่าเจ็บมากจนน้ำตาไหลประมาณปี 1985 - 1987 ยังได้รับกิ่นอายของความหนาวแต่นับตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมาความหนาวค่อย ๆ เลือนหลายไปจนกระทั่งปี 1994 ย้ายมาอยู่ นนทบุรี ที่นี่ถึงแม้ว่าหน้าร้อนแต่ก็มีต้นไม้ต่อมาระยะหลัง ๆ ต้นไม้และพื้นทีสีเขียวค่อย ๆ หายไปเพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าบ้าง คอนโดบ้าง และก็หมู่บ้านทำให้สวนผลไม้ค่อย ๆ หายไปจนแทบไม่เหลืออะไรในปัจจุบัน

พื้นฐานของ(พุทธธรรม)คือการมีความสุขขอให้ก้าวหน้าด้วยความศรัทธาที่เข้มแข็งและเชื่อมั่นอยู่เสมอเป็นเพราะความเข้มแข็งในการศรัทธาเป็นสิ่งที่ตัดสินว่าเราจะสามารถแสดง(พลังพุทธะ)และพลังธรรมะออกมาในชีวิตของเราได้หรือไม่



ถังแตก



ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร

ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก

ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิและสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง

แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน

จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำ

สามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง

ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึกอับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง

มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น

วันหนึ่งที่ข้างลำธารมันได้พูดกับคนตักน้ำว่า......................

ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า

ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน

คนตักน้ำตอบว่า เจ้าเคยสังเกตุหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า

แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง

เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า

และทุกวันที่เราเดินกลับเจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น

เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว

ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้วเราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้

คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น

อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้

สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น

และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง

ชาวพุทธ

1-IMG_20140209_120846

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ไฉสิ่งเอี้ย

IMG0056 (Copy)

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

บุปพการีแห่งต้นโพธิ์

Wat pho

ก่อนอื่นอาตมาภาพจะขอเล่านิทานเรื่องใครคือบุพการีแห่งต้นโพธิ์ความว่า นกตัวหนึ่งได้กินผลโพธิ์แล้วอุจจาระลงบนดิน ทำให้เกิดกองอุจจาระที่มีเมล็ดโพธิ์อยู่ เมื่อเวลาผ่านไป ลิงตัวหนึ่งได้ฉี่ลงตรงกองอุจจาระที่มีเมล็ดโพธิ์นั้นพอดีเมล็ดโพธิ์ได้อาศัยน้ำจากฉี่ลิงก็งอกเป็นต้นอ่อนขึ้นเวลาผ่านไป ต้นอ่อนที่เติบโตกลางฤดูร้อนเริ่มทนต่อความร้อนไม่ไหวช้างตัวหนึ่งนิยมพักนอนใกล้ ๆ กับต้นโพธิ์น้อยนั้นทำให้เกิดร่มเงาพอที่ต้นโพธิ์จะเติบโตสู้ฤดูร้อนนั้นได้เมื่อต้นโพธิ์เติบโตขึ้น นก ลิง และช้างได้หายไป วันหนึ่ง

นายพรานเดินเข้ามาทางนั้นพอดี เขาเงื้อมมือจะถางหญ้าตรงหน้าซึ่งมีต้นโพธิ์น้อยขึ้นอยู่นั้น กระรอกตัวหนึ่งคิดว่าที่ชายป่าแห่งนี้แห้งแล้งนักหากต้นโพธิ์น้อยนี้ได้เติบใหญ่ จักเป็นที่อาศัยแก่สรรพสัตว์มากมาย มันจึงวิ่งออกมาล่อนายพราน นายพรานเห็นกระรอกจึงหยุดแล้วตามกระรอกไป ต้นโพธิ์น้อยจึงมิได้ถูกตัดทำลายและเติบโตสืบไป เวลาผ่านไปหลายปีต้นโพธิ์น้อยกลายเป็นต้นโพธิ์ใหญ่ให้ร่มเงาแก่สัตว์ที่เดินทางผ่านมาทางนั้น ตั้งแต่สัตว์ที่เล็กที่สุดจนถึงสัตว์ที่ใหญ่ที่สุด วันหนึ่ง ฤดูร้อนมาถึง สัตว์จำนวนมากเดินทางผ่านมาและแวะพักร่มโพธิ์นั้น สัตว์ทั้งหลายจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ใครหนอเป็นเจ้าของต้นโพธิ์ เป็นผู้

ให้กำเนิดต้นโพธิ์ต้นนี้ นกตัวหนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่ามันเป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์ต้นนี้ ด้วยการกินผลโพธิ์แล้วอุจจาระลงดินไปทันใดนั้น ลิงตัวหนึ่งก็กล่าวขึ้นบ้างว่า มันเป็นผู้ ให้กำเนิดที่แท้จริงต่างหากเพราะเป็นผู้รดน้ำลงไปส่วนช้างอีกตัวก็กล่าวว่ามันต่างหากที่ให้ร่มเงาแก่ต้นโพธิ์น้อยจนเติบใหญ่ ย่อมต้องได้รับการนับถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์ ส่วนกระรอกอีกตัวก็กล่าวว่ามันต่างหากที่เป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์นี้ เพราะเป็นผู้เสี่ยงชีวิตให้ต้นโพธิ์รอดจากการถูกนายพรานตัด สัตว์ทั้งหลายต่างถกเถียงกันไม่จบสิ้นอย่างนี้หาข้อสรุปมิได้ สัตว์ทั้งหลายจึงขอให้รุกขเทวดาประจำต้นโพธิ์เป็นพยานและตัดสินว่าใครกันแน่ ควรได้รับการนับถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดต้นโพธิ์ รุกขเทวดาประจำต้นโพธิ์ปรากฏกายขึ้นแล้วกล่าวว่าผู้ใดให้

ชีวิต ผู้นั้นนับเป็นบุพการี นกนั้นมิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตต้นโพธิ์ แม้ถ่ายมูลลงมาเป็นเมล็ดก็มิอาจนับเป็นบุพการี ลิงนั้นมิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตต้นโพธิ์ แม้ฉี่ลงมารดจนงอกขึ้นก็มิอาจนับเป็นบุพการี ช้างนั้นมิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตต้นโพธิ์ แม้บังแดดให้ต้นโพธิ์ก็มิอาจนับเป็นบุพการี บุคคลผู้มิได้มีเจตนาจะให้ชีวิตแก่ผู้อื่นถือกำเนิดขึ้นด้วยกรรมแห่งตนย่อม ไม่นับเป็นบุพการีชายใดที่ปลุกปล้ำผู้หญิงแล้วหนีหายไปจนหญิงตั้งท้องคลอดบุตรชายนั้นนับได้เพียงเป็นผู้กระทำชำเราหญิงผู้นั้นได้เพียงเท่านั้นหาค่าควร แก่การได้รับ

การยอมรับนับถือเป็น บุพการีไม่ อุปมาดั่งนกที่ถ่ายมูลลงมาเป็นต้นโพธิ์ฉะนั้น มิอาจเรียกได้ว่าบุพการี คำว่าบุพการีนี้มีค่านัก ควรแก่การได้รับกตัญญูกตเวทิตาคุณ บุคคลใดจักได้รับการนับถือด้วยเกียรติ์อันสูงส่งเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นผู้มีเจตนาจะให้ชีวิตแก่ผู้อื่นกำเนิดขึ้นด้วยกรรมแห่งตนดังนี้ ข้าพเจ้าขอตัดสินว่า กระรอกนั้นเอง นับได้ว่าเป็นบุพการีแห่งโพธิ์ต้นนี้
อุทิศให้บิดา - มารดา ครู - อาจารย์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนดวงวิญญาณไร้ญาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย

ธรรมะ ไม่สามารถเผยแผ่ได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากบุคคลเป็นผู้เผยแผ่ธรรมะ ดังนั้น บุคคลกับ(ธรรมะ)จึงสูงส่งเท่ากัน(เรื่องความศรัทธาสองชนิดธรรมนิพนธ์ฉบับภาษาอังกฤษ)

ธรรม ลึกซึ้ง ไม่มีใครมีปัญญาเทียบเท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ด้วยเหตุนี้ ก็จะต้องฟังคำของพระองค์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง จะต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ เพราะคำของพระองค์ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าใจได้ทันที

การกินเจ

PB300004 (Copy)




หยาบและเอียด

IMH4G_0114 (Copy)

Relax Sunday

SAM_0012 (Copy)


1-SAM_0010 (Copy)

1-IMG_20140209_120846


วันอาทิตย์วันเบา ๆ ท้องฟ้าโปร่งเหมาะแก่การถ่ายภาพจงอย่าให้วัน - เวลาผ่านพ้นไปโดยสูญเปล่า ? ต้องเข้าใจธรรมจริง ๆ ทีละคำ ถ้าไม่เข้าใจก็สับสนหมด แม้แต่คำว่าปฏิบัติธรรม ถ้าไม่เข้าใจคำว่า ธรรม ไม่เข้าใจคำว่า ปฏิบัติ ก็ผิด

ข้อความจาก SGI จงเพียรพยายามในสองวิถีแห่งการปฏิบัติและการศึกษา หากขาดการปฏิบัติและการศึกษาแล้ว พุทธธรรมก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้ ตัวเองจงปฏิบัติ แล้วสอนให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย การปฏิบัติและการศึกษานั้น เกิดจากความศรัทธา หากมีพลังแล้วจงพูดคุยแม้เพียงหนึ่งประโยคหรือหนึ่งวลี(เรื่องลักษณะที่เป็นจริงของปรากฏการณ์ทั้งหลาย ฉบับภาษาอังกฤษ

By....Nichiren Buddhism Nichiren Buddhism Meditation

วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ผมเป็นคนบาปหนามาก

1-SAM_0049 H

P6230014 (Copy)


ผมเป็นคนบาปหนามากถึงแม้ว่าผมเคยปฏิบัติธรรมแต่ก่อนหน้านั้นในวัยเด็กเคยทำบาปกับบิดา - มารดาแม้กระทั่งเข้าสู่วัยรุ่นก็ไม่อยู่ในศีล 5 เคยลวกหอยแครงแล้วนำมารับทานเคยลักขโมยเงินพ่อ - แม่เคยด่าพ่อ - แม่มาบัดนี้หันหน้าเขาหาทางธรรมมาหลายสิบปีแต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวแต่หนหลังแล้วก็หนีไม่พ้นตกนรก(โรรุวนรก)แน่ ๆ ปัจจุบันนี้จึงทำใจยอมรับกรรมที่เคยก่อไว้โดยไม่มีข้อโต้แย้งถึงแม้ว่าในบั้นปลายชีวิตของบิดา - มารดาผมได้มีโอกาสดูแลปรนนิบัติท่านแต่ก็ไม่สามารถลบล้างบาปกรรมได้หรอกครับเมื่อวานนั่งดู Clip ที่ Youtube ของอาจารย์ เกษม อยู่เกือบทั้งวันก็เลยมีความคิดอยากจะสารภาพขึ้นมา

เรื่อง เศรษฐีสุทัตต์(อนาถบิณฑิกเศรษฐี)ฉบับภาษาอังกฤษ

การสอนธรรมะให้แก่ผู้อื่นนั้นเหมือนกับการหยอดน้ำมันล้อเกวียนซึ่งแม้บรรทุกหนักก็สามารถหมุนไปได้ หรือเหมือนกับเรือลอยน้ำที่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย เศรษฐีสุทัตต์ (อนาถบิณฑิกเศรษฐี)เป็นผู้ใจบุญที่มีความเมตตามาก เขาชอบช่วยเหลือคนยากไร้ มักจะบริจาคอาหารและสิ่งของแก่พวกเขา ภายในบริเวณเมืองสาวัตถีนั้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงชาย เด็กเล็ก หรือคนชรา หากยากจนข้นแค้นไร้ที่พึ่งพิง เพียงแต่ไปขอความช่วยเหลือจากเขาเขาก็จะมา ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงกล่าวขานเขาว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี ครั้งหนึ่ง เศรษฐีสุทัตต์เดินทางไปยังกรุงราชคฤห์พบเศรษฐีสุระเพื่อเจรจาสู่ขอให้กับลูกชาย คนเล็กและบังเอิญได้พบกับพระพุทธองค์ ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ จึงบังเกิดความปิติสุข ในตอนนั้นก็บังเกิดจิตจะสร้างอารามทูลเชิญพระพุทธองค์และเหล่าพระภิกษุไปเทศนาสอนสั่ง และรับการบริจาคที่กรุงสาวัตถี พระพุทธองค์ทรงปลื้มปิติที่เห็นเศรษฐีสุทัตต์ มีความตั้งใจเช่นนั้น จึงตอบตกลง รอจนอารามสร้างเสร็จก่อนแล้วจะไปที่นั่นแน่นอน เศรษฐีสุทัตต์เมื่อกลับไปยังเมืองสาวัตถี ก็รีบเสาะหาสถานที่ที่เหมาะสมไปทั่วทุกสารทิศ ช่วงเวลาที่ออกหาสถานที่ต่าง ๆ นั้น เขา

ชอบใจสวนของเจ้าเชต สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง มาก ภายในสวนมีทั้งภูเขาและสายน้ำ มีดอกไม้ใบหญ้า เรียกได้ว่าภูเขาตะหง่านสายน้ำไหลริน พฤกษาหอมหวล เป็นสถานที่ที่สวยงามและเงียบสงบ หากว่าใช้สถานที่นี้มาสร้างอารามวิหาร ถวายแด่พระพุทธองค์เพื่อเป็นสถานที่แสดงธรรม และเป็นที่พักของเหล่าพระภิกษุ ที่ที่ดีกว่านี้ ก็หาไม่ได้แล้ว แต่เศรษฐีสุทัตต์ก็นึกได้ว่าสวนแห่งนี้ เจ้าเชตทรงโปรดเป็นที่สุด แล้วใจใช้วิธี ไหนที่จะทำให้เจ้าเชตยอมปล่อยสวนนี้ให้ ? เศรษฐีสุทัตต์ครุ่นคิดพิจารณา แม้เขาจะรู้สึกว่าเป็น เรื่องยาก แต่ก็จะลองไปเข้าเฝ้าเจ้าเชตดู อ้อนวอนขอให้พระองค์ขายสวนแปลงนั้นให้ ไม่ว่าจะ เสนอเงื่อนไขอะไรเจ้าเชตก็ไม่ทรงตกลง เศรษฐีสุทัตต์ก็วอนขออยู่หลายครั้งหลายครา เจ้าเชต ทรงรู้สึกว่าไม่ควรจะปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะว่าเศรษฐีสุทัตต์นั้นเป็นผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของ คนทั้งเมือง พระองค์จึงคิดคำนวนมูลค่าไว้สูงมาก เพื่อจะทำให้เศรษฐีสุทัตต์สู้ราคาไม่ไหวและ ล้มเลิกความตั้งใจ จึงทรงตรัสว่า เดิมทีเราก็ไม่อยากปล่อยขาย ในเมื่อท่านมีความต้องการเช่นนี้ ตกลงขอเพียงท่านนำเอา ทองคำมาปูให้เต็มสวน และให้ถือเอาทองคำที่ปูเต็มสวนเป็นค่าตอบแทน เราก็ยินดีให้สวนนั้นแก่ท่าน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ราชบุตรจะทรงเอ่ยปากบอกราคา เศรษฐีสุทัตต์ดีใจมาก จึงเร่งรีบกลับบ้านไป เรียกให้คนรับใช้นำทองคำใส่รถแล้วลากไปปูที่สวนนั้นทีละรถ ๆ ฝ่ายเจ้าเชตนั้นเดิมทีคิดจะ กลั่นแกล้งให้

เศรษฐีสุทัตต์ล้มเลิกความตั้งใจให้เขาไม่สามารถซื้อสวนนั้นได้ แต่มาบัดนี้ ทรงทอด พระเนตรภาพเบื้องหน้าก็ซาบซึ้งตื้นตันใจมาก จึงทรงตรัสกับเศรษฐีว่า ที่ดินนี้เป็นของท่านเศรษฐีแล้ว แต่มวลพฤกษาในสวนนั้นเรามิได้ขายให้ท่าน พระพุทธองค์ เป็นคนเยี่ยงไร? ท่านถึงต้องกระตือรือร้นปานฉะนี้ บัดนี้ ท่านได้โปรดอนุญาตให้เราถวายมวล พฤกษาเหล่านี้แก่พระพุทธองค์บ้างได้หรือไม่?” เศรษฐีสุทัตต์ได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงเล่าถึงความ ยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ให้ฟัง ทั้งสองคนรู้สึกซึ้งใจและปิติยิ่งนัก เมื่ออารามสร้างเสร็จ เศรษฐีสุทัตต์จึงรีบทูลเชิญพระพุทธองค์และเหล่าภิกษุสงฆ์ เนื่องจาก อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้บริจาคสวน เจ้าเชตทรงบริจาคหมู่พฤกษา ดังนั้นพระพุทธองค์จึงใช้ชื่อ ของคนทั้งสอง ตั้งชื่ออารามนี้ว่า เชตวันวรวิหาร ครั้งนี้เป็นเป็นครั้งที่เศรษฐีสุทัตต์ได้บริจาคเงินทองมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต และก็เป็นเหตุ ที่ทำให้เขายากจนอีกครั้งหนึ่ง เศรษฐีสุทัตต์ชื่นชอบการบริจาค จนต้องกลายเป็นคนยากจน และ เกือบจะอดตาย คลังสมบัติของเขาไม่หลงเหลืออะไร เงินสักเหรียญในมือก็ยังไม่มี ต่อมาเขาเก็บกระบอกไม้ได้จากกองขยะ เนื้อไม้ที่ใช้ทำกระบอกเป็นไม้ที่มีราคา แต่เนื่องจาก มันไม่ค่อยสะอาด ในตลาดน้อยคนนักที่จะยอมรับซื้อ แต่ก็พยายามแลกข้าวกลับมาได้ 4 ลิตร ภรรยาของเศรษฐีสุทัตต์ ตวงข้าวหนึ่งลิตรไปหุงจนสุก หน้าบ้านนั้นพระสารีบุตรมายืนรอ ขอบิณฑบาต นางดีใจมากจึงนำข้าวหนึ่งลิตร

ที่หุงสุกแล้วถวายแด่พระสารีบุตร นางก็หุงข้าวใหม่ อีกหนึ่งลิตร เมื่อข้าวสุกแล้ว พระโมคคัลานะมาถึงประตูบ้านพอดี นางจึงนำข้าวถวายแด่พระ โมคคัลานะอีก หุงข้าวครั้งที่สามถวายแด่พระมหาปัสสปะ บัดนี้เหลือข้าวหนึ่งลิตรที่เพิ่งจะหุงสุก พระพุทธองค์ก็เสด็จมาถึง นางคิดว่า เพิ่งจะหุงข้าวนี้สุกพระพุทธองค์ก็เสด็จมาถึง หรือว่าจะต้อง รับทุกข์กรรมให้หมดเสียก่อน บุญวาสนาจึงจะมาถึง ? ด้วยเหตุนี้จึงนำข้าวในหม้อทั้งหมดถวาย แด่พระพุทธองค์ พระพุทธองค์จึงกล่าวคำอวยพรแก่ครอบครัวของนางว่า กรรมสิ้นวาสนาเกิด นับแต่บัดนี้ ร่ำรวยสมบูรณ์ตลอดกาล ไร้ซึ่งความทุกข์ยากทั้งปวง ทันใดนั้น คนในครอบครัวก็วิ่งมาบอกว่า เงินทองรัตนมณี อาหารอาภรณ์แพรไหมในคลังเสบียง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงมีอยู่เป็น กองดุจภูเขามันมีมากเสียกว่าครั้งสมัยที่ยังร่ำรวย เศรษฐีสุทัตต์เกิดความกระจ่างในจิตใจ นี่คือ ความเมตตาแห่งพระพุทธองค์ ด้วยเหตุนี้จึงตระเตรียมอาหารเพื่อถวายแด่พระพุทธองค์ และ เหล่าพระภิกษุ ทั้งวอนขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรม ทุกคนต่างได้รับความสุขจากการฟังธรรม นำทุกสิ่งทุกอย่างของตนถวายบริจาคแก่ผู้อื่น ดูเหมือนว่าหมดสิ้นแล้ว แต่เมล็ดพันธุ์ยังคงฝังอยู่ ใต้ดินย่อมจะเก็บเกี่ยวผลได้เพียงแค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ในอดีต มีคน ๆ หนึ่งทำการค้าเก่งมาก เขารู้ว่าสิ่งของชนิดนี้

เหมาะสมกับคนประเภทใด ด้วยเหตุนี้สินค้าเบ็ดเตล็ดเมื่อผ่านมือเขาก็กลายเป็นผลกำไรหลายเท่าในระยะเวลาอันรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่ปี คน ๆ นี้ก็กลายเป็นเศรษฐี แม้ว่าเขาจะมีเงินทองมากมาย แต่มันก็ไม่อาจทำให้ เขามีความสุข เงินทองยิ่งสะสมก็ยิ่งเพิ่มพูน ความทุกข์ที่ตามมาก็ทับถมขึ้นทุกวัน แท้ที่จริง เขาวิตกกังวลว่า บ้านหลังใหญ่โตนี้ไม่รู้จะเอาสมบัติซุกไว้ที่ไหนดี? เขาขบคิดปัญหานี้ ทุกวัน เขาคิดว่า เอาเงินทองฝังลงไปในดิน แต่ว่าจะถูกหนูเอาไปหรือเปล่า? เอาไปซ่อนไว้ใน ป่า ลิงเจ้าเล่ห์จะมาโยกย้ายเอาไปหรือเปล่า ? ฝังไว้ใต้น้ำ ก็กลัวว่าสัตว์น้ำทั้งหลายจะมา ขนย้ายไป หากฝากไว้กับพี่น้องภรรยา เงินทองที่ได้มาด้วยความยากลำบากนี้อาจถูกพวกเขา นำไปใช้ได้ ยิ่งน่าเสียดายนัก! แล้วจะทำอย่างไร หรือว่าเอาเก็บไว้รอบเอว ดูแลรักษาเอง วันหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันพระ พุทธศาสนิกชนต่างพากันไปไว้พระที่วัด ที่หน้าวัดมีคน ๆ หนึ่ง ใช้ทองคำมาทำเป็นบาตรใหญ่ วางไว้ตรงทางแยก คนที่ผ่านไปมา ต่างโยนเงินลงในบาตร ในบาตรนั้นก็เกิดเสียงดังกิ๊งก๊าง พ่อค้าคนนี้ เกิดทางผ่านมากพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ไม่เข้าใจ จึงสอบถามจากผู้อื่น มีคนหนึ่งบอกเขาว่า ท่านไม่รู้หรือ นี่เรียกว่าบุญวาสนาร่วม หากว่ามีคน

ทำบุญหนึ่งเหรียญลงในนี้ ก็จะได้รับ บุญวาสนาในชาติหน้า ดังที่ว่าสละหนึ่งได้รับนับหมื่น ใช้ไม่มีวันหมด เงินทองในนี้ นำไป สร้างประโยชน์แก่มวลมนุษย์บาตรใบนี้เรียกว่า ที่รักษาอันเข้มแข็ง เมื่อใส่เงินเข้าไปข้างใน ก็จะไม่ถูก ๕ บ้านนำไปใช้ มีเพียงผู้ที่ลงทุนเท่านั้นจึงจะได้รับ เงินทองที่อยู่ข้างกาย เป็นของใช้ ร่วมของ ๕ บ้าน แล้ว ๕ บ้านคืออะไร ? ข้อที่ 1 เมื่อประเทศชาติต้องการ ก็สามารถใช้กฎหมายบังคับให้เอาเงินออกมาได้ ข้อที่ 2 เมื่อมีเงินทองมากมายก็เป็นจุดสนใจของผู้คน ถ้าไม่ระวังก็จะถูกโจรขโมยแย่งชิงไป ข้อที่ 3 ลูกหลานเนรคุณ ไม่ประกอบสัมมาอาชีพ มัวเมาอยู่ในสุรา นารี กีฬาบัติ อาหาร การกิน สุดท้ายก็ผลาญจนหมดสิ้น ข้อที่ ๔ อุทกภัยมาถึง เงินทองก็ไหลไปตามน้ำ ข้อที่ ๕ อาจถูกไปไหม้ให้พังพินาศ ลามข้อแรกเป็นการหมดไปโดยมนุษย์ สองข้อหลังเป็นการหมดไปโดยภัยพิบัติ เช่นนี้

แล้ว พวกเราสะสมเงินทองมากมายก็ไม่มีประโยชน์ สู้นำมาใส่ไว้ในบาตรใบนี้ดีกว่า ก็สามารถได้รับประโยชน์มหาศาล และไม่ถูกทำร้ายโดย ๕ บ้านนี้เมื่อพ่อค้าได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจมาก เขาพูดว่าข้าได้พบสถานที่เก็บเงินที่ปลอดภัยแล้วเขาจึงรีบปลดเอาเงินทองที่รอบเอวออกมาใส่ลงในบาตรทั้งหมดพระภิกษุในวัดเทศนาธรรมบทขอขมากรรมให้เขาฟัง พ่อค้าบังเกิดความปิติ ยินดี และได้บรรลุพระโสดาบันเงินทอง หลังจากใช้ไปแล้วจึงจะเป็นของตนเอง การช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก จึงเป็นการ ใช้ประโยชน์จากเงินทองอย่างถูกต้อง

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ปรัชญาของปู่เย็น แก้วมณี


เศรษฐกิจพอเพียงตามวิถีของปู่ เย็น แก้วมณี ซึ่งเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ไม่ใช่ละเมอเพ้อเจ้อหรือสร้างภาพ ในกะลาแลนด์นักสร้างภาพมีเยอะแยะมากมาย เศรษฐกิจพอเพียงคือการพึ่งตนเองและไม่เบียดเบียนใคร ๆ คำว่าพอเพียงคือ ความสมถะในการเป็นอยู่ - ในการดำรงชีวิต

คนล้มอย่าข้าม.mp3




อาแปะแซ่โง้ว





ตอนแรกผมไม่รู้จักหรอกว่าอาแปะเป็นใครบังเอิญไปเจอรูปของอาแปะที่ท่าพระจันทร์ก็เลยเกิดความสงสัย ผมเองไม่เคยเชื่อเรื่องราวปาฏิหารย์โดยไร้เหตุ - ไร้ผลต่อมาไปเจอรูปของอาแปะที่วางขายแบกะดินย่าน{ถนนเจริญกรุง}จึงเกิดอยากทราบประวัติของอาแปะสืบเสาะมาได้นิดหน่อยบางทีอยากรู้เรื่องอะไรก็ต้องแสวงหา แล้วก็มาวิเคราะห์เจาะลึกก่อนที่จะเชื่อหรือศรัทธาในเรื่องนั้น ๆ ภาพที่ถ่ายมาได้ก็ถ่ายที่ถนนเจิญกรุงถิ่นฐานย่านคนจีน มารู้ภายหลังว่ามีวัตถุมงคลประเภทฮู้ของอาแปะโง้วกิมโคยด้วยนับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าค้นคว้าศึกษาถ้าหากอยู่ในขอบเขตแห่งเหตุและผลไม่งมงายโดยไร้เหตุผล 

อาแปะกิมโคย แซ่โง้ว เกิดที่ประเทศจีน ตำบลเท้งไฮ้ ได้เข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่เด็กอายุประมาณ 10 ปีเมื่อเติบโตพอที่จะประกอบอาชีพ ก็ได้รับจ้างทั่วไป รวมทั้งค้าข้าวเปลือก กิจการค้าข้าวเปลือกดีขึ้น จึงได้ร่วมหุ้นทำกิจการโรงสีข้าวที่ปากคลองบางโพธิ์ล่างปัจจุบัน คือ ต.บางเดื่อ จ.ปทุมธานีเมื่ออายุ ประมาณ 22 ปีได้สมรสกับ นางนวลศรี เอี่ยมเข่ง มีบุตรด้วยกัน 10 คน พร้อมทั้งได้ย้ายมาประกอบกิจการโรงสีไฟของตนเองทีปากคลองเชียงราก เยื้องวัดศาลเจ้าโรงสีตั้งอยู่บน ต.บางกะดี ชื่อ โรงสีไฟทองศิริ และได้โอนสัญชาติไทยพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นนาย นที ทองศิริกิจ การโรงสีดีขึ้นและมั่นคงขึ้นมากจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเรียกขานนามท่าน ว่า(เถ้าแก่กิมโคย)หรือแปะกิมโคยแม้ว่าท่านจะเป็นคนจีนดั้งเดิมแต่ท่านก็ชอบกินหมากพลู เช่นชาวไทยทั่วไปในยุคนั้น หน้าวัดศาลเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำเชี่ยว 
และเป็นวังวนมีศาลเจ้าไม้เล็ก ๆ อยู่(ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า)ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ศาลเจ้าพ่อปู่ ชาวจีนเรียกว่า ปึงเถ่ากงม่าเมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะ และคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดีเป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไปในช่วงนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก ส่วนใหญ่การเดินทางจะเป็นทางน้ำการบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ท่านก็ได้ดำเนินการอย่างไม่หยุดหย่อน และได้ใช้การพายเรือไปช่วยเหลือผู้คนตามสถานที่ต่าง ๆ จึงมีผู้มีจิตศรัทธาช่วยท่านให้สามารถบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าไม้เล็ก ๆ ริมน้ำมาเป็นศาลเจ้าที่เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ได้นอกจากการบูรณะศาลเจ้าแล้ว ท่านยังเป็นผู้กำหนดวันในการจัดงานประจำปีของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า เป็นวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 1 ถึงวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 1 รวม 4 วัน 4 คืน ซึ่งทางชาวจีนเรียกช่วงนี้ว่า เจียง่วย ชิวโหงว ถึง เจียง่วย ชิวโป้ย โดยถือเป็นประเพณีตลอดมา มีผู้ที่ศรัทธาจากแหล่งต่างๆ มาพบท่านและให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ไปให้คำแนะนำ และชี้แนะทุกรายไป แม้กระทั่งไปยังต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอ ซึ่งต้องจัดเตรียมหมากพลูไปด้วย ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ คน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสบความสำเร็จในธุรกิจ กิจการรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป


ชวนคิด - ชวนคุย



สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยในคอลัมท์ชวนคิด - ชวนคุย อากาศช่วงนี้ร้อนมากน่ะครับ วิธีดับร้อนก็ไม่ยากออกกำลังกายให้เหงื่อออกจะลดอุณหภูมิในร่างกายได้หรือหาสถานที่{สัปปายะ}พักผ่อนสมองทำสมาธิ ช่วยได้มากเลยทีเดียวไม่เชื่อลองทำดูสิครับการที่อยู่ในห้อแอร์นาน ๆ มาก ๆ ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก วิธีที่ถูกต้องก็คือไม่หมกมุ่นกับเทคโนโลยียกเว้นผู้ที่ต้องทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยวิธีดับร้อน มีหลายวิธีเลือกเอาเองว่าเหมาะสมที่จะปฏิบัติแบบไหนเช่นดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรดับร้อนและงดแอลกอฮอล์ คนเราเกิดมาย่อมนำพาชีวิตหมายมั่นสู่ความมั่นคง มนุษย์จึงดำรงชีพดำเนินชีวิตไปตามทิศทางที่นำไปสู่เป้าหมายแห่งความสุขสบาย คนเป็นอันมากมักนึกถึงแต่ความั่งมีเฉพาะภายนอกกาย

เป็นเหตุให้หลายต่อหลายครั้งคนเราจึงถลำออกนอกวิถีแห่งความดีงามด้วยหมายมั่นจะมากมี ชีวิตเลยต้องด้นรนไปตามยถาประดุจเศษสวะที่พัดพาไปเรื่อย ๆ ตามกระแสน้ำ ยากนักจะลอยไหลพัดทวนน้ำไปสู่ต้นสายอันบริสุทธิ์ - สะอาด เปรียบได้กับใจของ คนเราเมื่อปลอ่ยให้ฟุ้งเฟื้อเห่อเหิมไปตามกระแสกเลสใจจึงไหลลิ่วไปสู่ความเวิ้งว้างอันหาฟากฝั่งไมพบหากในทางตรงกันข้าม ถ้ามนุษย์รู้จักขัดขืนฝืนกระแสแห่งความอยากได้ใคร่มีแล้วน้ำใจฝืนทวนน้ำไปสู่จิตเดิมอันเป็นต้นธารแห่งกุศลใจของคนก็จะสะอาดใสเฉกเช่นเดียวกับตาน้ำอันบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ตะกอนอันขุ่นมัว อันเป็นวิถีกลับสู่ความดีงามของชีวิต

น้ำ........ใจคนล้นค่ากว่าสิ่งไหน

ใส........กระจ่างสว่างไกลประดุจแสง ใ

จ........มนุษย์ผ่องผุดพิสุทธิแจ้ง

จริง.......เท็จไซร้แจ่มแจ้งแยกชั่วดี

มงคล.....ธรรมบำเพ็ญเห็นประจักษ์

ธรรม......ปฏิบัติเป็นหลักมั่นไม่ผันหนี

อภัย.......เถิดชั่ว - ช้าประดามี

บาป........กลับดีด้วยมีใจสำนึกตน

การส่งเสริมกำลังใจจะเพิ่มพลังให้แก่ผองเพื่อน นับหมื่นเท่าขึ้นไป ขอให้ใช้ความเพียรพยายามทุกอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่ทุกคนผู้ซึ่งกำลังต่อสูกับความยากลำบาก ด้วยคำพูดที่เชื่อมั่นและเอาใจใส่ที่อบอุ่น ขอให้ค้ำจุนซึ่งกันและกันและก้าวหน้าไปด้วยกัน

ในฐานะสมาชิก{ผู้เกิด แก่ เจ็บ ตาย}ด้วยกันทั้งหมด - ทั้งสิ้นพวกเราร่วมกันต่อสู้อย่างไม่ท้อถอยด้วยจิตใจเดียวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในจุดมุ่งหมายของการบรรลุมหาปณิธานเพื่อการเผยแพร่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเพื่อให้ประเทศชาติเกิดสันติชีวิตของพวกเราถูกเชื่อมด้วยสายใยที่มหัศจรรย์สูงส่ง แข็งแรงและงดงามอย่างไม่จำกัด